ดวงดาว
พระเคราะห์ทางโหราศาสตร์
1. พระอาทิตย์ (๑) ธาตุไฟ ถือเป็นแกนกลางหรือจ้าวจักรวาล มีสารบบของตนว่างเปล่า และดำรงอยู่ภายนอกขอบเขตบุญ-บาปของจักรวาล
2. พระจันทร์ (๒) ธาตุน้ำ เป็นบริวารของโลก ถือเป็นส่วนหนึ่งส่วนเดียวกันกับโลกที่เราอยู่กันนี้ จึงเรียกกันว่า "โลกพระจันทร์" โลกเปรียบเสมือนวิญญาณแม่ ส่วนพระจันทร์เปรียบเสมือนวิญญาณลูก พระจันทร์จึงมีสถานะเป็นจุดตั้งรับทุกสิ่งทุกอย่าง เสมือนกับโลกที่เราอยู่กันนี้ซึ่งเป็นส่วนฐานของดวงชะตา และดำรงอยู่ภายในขอบเขตบุญ-บาปของจักรวาล (พระจันทร์ แม้ว่าจะมิได้มีส่วนบันทึกกรรมเก่า แต่หากได้รับมาก็สามารถส่งต่อได้)
3. พระอังคาร (๓) ดำรงอยู่ภายในขอบเขตบุญ-บาปของจักรวาล มีส่วนในการบันทึกและส่งกรรมเก่า
4. พระพุธ (๔) ดำรงอยู่ภายนอกขอบเขตบุญ-บาปของจักรวาล เปรียบเสมือนวิญญาณลูก ส่วนพระอาทิตย์เปรียบเสมือนวิญญาณแม่ พระอาทิตย์กับพระพุธ (๑๔) จึงมีความหมายเทียบเท่าเจ้าเรือนภพเกณฑ์กัมมะ
5. พระพฤหัสบดี (๕) ดำรงอยู่ภายในขอบเขตบุญ-บาปของจักรวาล มีส่วนในการบันทึกและส่งกรรมเก่าเช่นกัน มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องอยู่กับพระจันทร์ (เพศหญิง) พระพฤหัสบดีกับพระจันทร์ (๒๕) จึงมีความหมายเทียบเท่าเจ้าเรือนภพเกณฑ์ปัตนิ
6. พระศุกร์ (๖) ธาตุลม เป็นเจ้าแห่งความโลภ ดำรงอยู่ภายนอกขอบเขตบุญ-บาปของจักรวาล ถือเป็นพระเคราะห์ที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด มีความเป็นตัวของตัวเอง มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องอยู่กับพระจันทร์ (เพศชาย) พระจันทร์กับพระศุกร์ (๒๖) จึงมีความหมายเทียบเท่าเจ้าเรือนภพเกณฑ์ลัคนา
7. พระเสาร์ (๗) ดำรงอยู่ภายในขอบเขตบุญ-บาปของจักรวาล มีส่วนในการบันทึกและส่งกรรมเก่าเช่นเดียวกัน มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องอยู่กับพระราหู (๘) ซึ่งเป็นพระเคราะห์ฉายา พระเสาร์กับพระราหู (๗๘) จึงมีความหมายเทียบเท่าเจ้าเรือนภพเกณฑ์พันธุ
8. พระราหู (๘) เป็นพระเคราะห์ฉายา ถูกคำนวณขึ้นเพิ่มเติมนอกเหนือจากสัตตะเคราะห์เดิม จึงเรียกว่า อัฏฐเคราะห์ ถือเป็นการพัฒนาโหราศาสตร์ เพื่อให้มีความเหมาะสมกับเหตุการณ์ในปัจจุบัน
9. พระเกตุ (๙) เป็นพระเคราะห์ฉายาเช่นกัน และถูกคำนวณขึ้นเพิ่มเติมนอกเหนือจากอัฏฐเคราะห์ เรียกว่า นพเคราะห์
10. พระมฤตยู (๐) ได้หมดสิ้นส่วนบันทึกที่เป็นกรรมเก่าภายในสารบบของดวงดาวตนแล้ว จึงเป็นดวงดาวที่มีสารบบของตนว่างเปล่า ดำรงอยู่ในสถานะดวงดาวธรรมดาภายนอกขอบเขตบุญ-บาปของจักรวาล เสมือนตระเตรียมตนเองเพื่อจะไปตั้งจักรวาลแห่งใหม่

