เกณฑ์กำลังและเชิงมุมพระเคราะห์


          ฝ่ายโหราศาสตร์ใช้โลกที่เราอยู่กันทุกวันนี้เป็นส่วนฐานของดวงชะตา แล้วนับเชิงมุมจากโลกสืบต่อไปยังสัตตะเคราะห์ ซึ่งพระอาทิตย์ทางฝ่ายโหราศาสตร์ก็ถูกนับเป็นหนึ่งอยู่ภายในส่วนของสัตตะเคราะห์นั้นด้วย จึงเปรียบเทียบเป็นสถานะทางฝ่ายโหราศาสตร์ว่า สัตตะเคราะห์ต่างก็โคจรไปรอบโลกที่เราอยู่กันนี้
          พระเคราะห์แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ พระเคราะห์ใหญ่และพระเคราะห์น้อย 
          พระเคราะห์ใหญ่ มีเกณฑ์การส่งกำลังเป็นของตนเอง ได้แก่ 3-5-7-8
          พระอังคารมีเกณฑ์ 4 และเกณฑ์ 8
          พระพฤหัสบดีมีเกณฑ์ 5 ในทุกราศี และมีเกณฑ์ 7/เกณฑ์ 9 เพิ่มเติมขึ้นมาเฉพาะในหกราศี คือ เมษ -เมถุน -สิงห์-ตุลย์ -ธนู -กุมภ์ เรียกว่า เกณฑ์ตรีกูล
          พระเสาร์มีเกณฑ์ 3 และเกณฑ์ 10
          พระราหูมีเกณฑ์ 4 (ย้อนจักรราศี) เรียกว่าเกณฑ์ศรี  และมุมตรงข้ามกับศรี เรียกว่า เกณฑ์กาลี (มุมจตุโกณหน้า-หลัง/ดี-ร้าย ซึ่งอยู่ตรงข้ามกัน)
          กรณีเกณฑ์กำลังของพระราหูนี้ อาจมีนักโหราศาสตร์หลายท่านไม่ทราบหรือทราบแต่อาจไม่นิยมนำมาใช้ก็เป็นได้
          กรณีพระอังคาร พระพฤหัสบดี และพระเสาร์ หากเป็นพระเคราะห์พักร ก็จะส่งเกณฑ์กำลังย้อนจักรราศี
          พระเคราะห์น้อย ไม่มีเกณฑ์การส่งกำลังเป็นของตนเอง ได้แก่ 1-2-4-6-9-0
          กรณีพระราหูและพระเกตุ เกิดจากการคำนวณ จึงถือเป็นเพียงพระเคราะห์ฉายา

          พระเคราะห์ร่วมหรือจรทับกัน (Conjunct 0 ํ) คือ สถานะที่ผนวกกำลังเข้าด้วยกัน
     

          ส่วนพระเคราะห์เล็งกัน (Opposite 180 ํ) คือ สถานะที่หักล้างกำลังซึ่งกันและกัน

          วงจรตรีโกณ (หากมีวงจรตรีโกณตรงข้าม ถือว่าหักล้างกำลังซึ่งกันและกัน)
          ประกอบกันอยู่ระหว่าง ราศีต้นธาตุ(ราศีทวาร)-ราศีกลางธาตุ-ราศีปลายธาตุ

          มุมตรีโกณ (Trine 120 ํ) หน้า-หลัง ถือเป็นมุมสนับสนุนส่งเสริม
          มุมบีบ 30 ํ หรือมุมขนาบ (Semi-Sextile)หรือก้ามปู 
          มุมบีบ 60 ํ หรือโยค (Sextile) หน้า-หลัง
          มุมบีบ 90 ํ หรือจตุโกณ (Square) หน้า-หลัง
          มุมบีบ 150 ํ หรือมุมปลายหอกหรือมุมแหลม (Inconjunct)